เทคนิคการเลือกเช่าเครื่องเสียงให้ถูกหลัก งานแบบไหนต้องเลือกเช่าแบบใด มาดูกัน!
1. งานกลางแจ้ง มีผู้ชมจำนวนมาก
สำหรับงานแรก จะต้องเน้นไปในเชิงกลางแจ้ง และมีผู้เข้าร่วมงานมากพอสมควร จึงต้องเน้นไปที่ระบบไมโครโฟน ยิ่งมีจำนวนมาก แอมป์กำลังสูงยิ่งดี โดยหลักการเลือกเช่าเครื่องเสียงสำหรับงานประเภทนี้จะต้องมี ไมโครโฟน มิกเซอร์ กราฟิกอีคิว ครอสโอเวอร์ เครื่องขยายเสียงหรือแท่น Power Amplifier และลำโพง อีกทั้งก็ต้องใช้ลำโพงจำนวนมาก เพื่อให้ได้ความดังรวม หรือ dB SPL มากๆ เช่นกัน และถ้าจะให้ดีก็ควรจะเลือกเช่าลำโพงที่เป็น 2 ทาง 3 ทาง หรือ 4 ทางที่มีครอสโอเวอร์แยกความถี่ให้ เพื่อให้เกิดความสมจริงนั่นเอง
2. งานอีเว้นท์ขนาดเล็ก
สำหรับประเภทนี้ จะต้องเป็นราวๆ บูธแสดงสินค้าขนาดเล็ก งานเปิดตัวสินค้าหรืองานแถลงข่าว ซึ่งหลักๆ ก็ต้องเน้นไปที่ลำโพงเล็กๆ แค่คู่เดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะต้องเช่าเครื่องผสมเสียงขนาดเล็ก ไมโครโฟน ประเภทไร้สาย เพื่อความคล่องตัว เครื่องเล่นซีดี เครื่องชดเชยความถี่ เครื่องขยายเสียงหรือแอมป์ ซึ่งก็ควรจะเลือกวัตต์ที่เท่ากับลำโพงหรือมากกว่าสัก 2-2.5 เท่า และสุดท้ายก็คือ ลำโพงฟูลเร้นจ์ (Full range) รับรองได้เลยว่าได้ยินแบบชัดแจ๋วและดังชัดเจนแม้จะเป็นบูธเล็กๆ ก็ตาม
3. ร้านอาหารหรือสถานบันเทิง
การจะเลือกเช่าเครื่องเสียงให้เหมาะกับแนวร้านอาหารหรือสถานบันเทิงนั้น จะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก บางครั้งจ้างมาซะแพงแต่คุณภาพไม่คุ้มก็เยอะแยะไป ซึ่งสิ่งที่เราควรจะคำนึงก็มีเรื่องของสภาพห้องที่ควรเป็นแบบอะคูสติก เพื่อให้สามารถดูดซับเสียงได้ดียิ่งขึ้น และร้านอาหารหรือสถานบันเทิงไม่ควรมีระดับความดังสูงเกินกว่า 83dB เพราะถ้าเกินกว่านั้นจะทำให้ฟังแล้วรู้สึกไม่เพราะ และถ้าจะให้ดีก็ควรจะลงทุนจ้างคนที่มีความรู้เฉพาะมาควบคุมระบบเสียงเลยจะดีที่สุด
4. งานกลางแจ้งระดับคอนเสิร์ตใหญ่โต
แน่นอนล่ะว่า เพราะเป็นพื้นที่ระดับใหญ่โต ก็เลยจะต้องเลือกเช่าเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องผสมสัญญาณเสียง ไมโครโฟน ที่ต้องมีประมาณราวๆ 20 กว่าตัว เครื่องเล่นซีดี เครื่องชดเชยความถี่ Cross Over / DSP หรืออุปกรณ์ตัดแบ่งความถี่ ให้เหมาะสมกับแอมป์และลำโพงนั่นเอง Power Amp และลำโพง